Header Ads

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2561

บทความหมออมรา สงครามล้างภพชาติ

บทความหมออมรา
สงครามล้างภพชาติ


ชื่อผู้เขียน       พญ อมรา มลิลา
วันที่           มกราคม - มีนาคม 2528
ณ                    ศานติสังคม
หมวด
อันดับที่         


ใคร ๆ ก็พากันวิตกว่า สงครามโลกครั้งที่สาม อาจเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้สําหรับชั่วชีวิตของเรา แต่ ไม่เห็นมีใครทุกข์ร้อนห่วงว่า สงครามภายในใจของแต่ละคน จะดําเนินไปอย่างไร และผลที่สุดของมันจะ เป็นรูปใด อะไรคือสงครามภายในใจของแต่ละคน
ใจของคนเราเปรียบเหมือนเก้าอี้ดนตรี ที่มีผีบ้าและผีดีผลัดกันครอบครองเก้าอี ถ้าผีบ้าคือกิเลสครอบครองได้สําเร็จ ผู้นั้นก็เป็นความปวดเศียรเวียนเกล้ารุ่มร้อน ระส่ำระสายแก่ผู้เกี่ยวของ ท่านอาจารย์เคยให้คําจํากัดความของกิเลสไว้ว่า ถ้าใครจะไปเสียเวลาหา เหตุผลเอากับกิเลสละก้อ คนนั้นต้องเป็นบ้าตายเปล่า สิ่งใด ที่มีเหตุ มีผล สิงนั้นย่อมเป็นธรรม เพราะฉะนั้น คนที่ดึงดันจะเอาเหตุผลจากกิเลสให้ได้ก็มีแต่คนบ้าเท่านั้นเมื่อใดที่ผีดี คือพระพุทธเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจ เมื่อนั้นเจ้าตัวก็จะเป็นเหตุเป็นผล เป็นสาระ พูดจากันรู้เรื่องถ้าเราเข้าใจตามนี้ ปัญหาต่าง ๆ คงลดน้อยลงเพราะเมื่อจะเกี่ยวข้องกับใคร แทนที่จะไปยึดเขาด้วย ความเป็นบุคคล เราก็จะมองด้วยความเป็นกิเลสหรือ พุทธะ ช่วงที่เขาเป็นกิเลส เราก็ไม่ถือสา แต่ระงับ กิจการที่ต้องติดต่อหารือไว้ รอจังหวะให้พุทธะของเขา ตื่นเสียก่อน ความน้อยใจแหนงใจ ผิดใจกัน ที่จะเป็นสาเหตุของการตัดพ้อต่อว่า โกรธข็ง ขุ่นเคืองกันก็จะ ระงับดับไป เพราะเข้าใจเสียแล้วว่าเขาไม่ได้แสร้งแกล้งทำ แต่เพราะช่วงขณะนั้น ๆ เขาขาดสติ ขาด ปัญญา ไม่ผิดอะไรกับคนละเมอลุกเดินไปทำโน่น ทำนี่ครั้นตื่นขึ้นเขาย่อมจำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เมื่อเห็นในใจของเขา เข้าใจตามเป็นจริงแล้วก็ย้อนมาเพ่งดูใจของตัวเองบ้างใจเราก็เช่นเดียวกัน ผีบ้ามักมีกำลังเหนือผีดี เพราะใจมีธรรมชาติเหมือนนำ คอยจะไหลลงสู่ที่ต่ำ พร้อมที่จะตามใจตัวเองโดยไม่มีฝังมีฝา มีเขตมีแดนถ้าเราไม่ระวัง คอยเอาสติฝิ่นไว้ มันย่อมเป็นกิเลสไป  โดยสมบูรณ์แบบ คุณตาพาหลานชายอายุ ขวบ ไปส่งโรงเรียน อนุบาลตั้งแต่ 8 โมงเช้า จน 10 โมงครึ่งจึงกลับมา โดยมีหลานชายกลับมาด้วย ได้ความว่าพอไปถึงโรงเรียน เด็กชายหนึ่งไม่ยอมลงจากรถ ไม่ว่าครูคนไหน จะผลัดกันมารับก็ไม่สําเร็จ ผลสุดท้ายคุณตายอมแพ้ พาหนึ่งกลับบ้าน คุณยายฟังเรื่องแล้วเห็นว่า หาก ปล่อยเลยตามเลย มิช้ามินานหนึ่งคงเกโรงเรียนทุกวัน และเมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็สายเกินแก้แล้ว คุณยาย จึงถามหนึงว่า ทำไมวันนี้หนึ่งกลับเร็ว หนึ่งตอบคุณยายหน้าตาเฉยวา วันนี้โรงเรียนปิด คุณยายจึงว่า หนึงก็ทราบว่าโรงเรียนไม่ได้ปิด เด็กดีทุกคนอยู่ที่โรงเรียนทั้งนั้น แต่หนึ่งโกงหนีโรงเรียน เพราะฉะนั้น ถึงอยู่บ้าน คุณยายก็จะห้ามทุกคนไม่ให้ ไม่ให้เล่นกับหนึ่ง จนกว่าจะบ่ายสองโมง ซึ่งเป็น เวลาโรงเรียนเลิกเสียก่อน ทุกคนจึงจะพูดและเล่นกับ หนึ่ง ถ้าหนึ่งเปลี่ยนใจ อยากเป็นเด็กดี กลับไปโรงเรียนคุณยายก็จะไปส่ง หนึ่งนิ่งคิดอยู่ครู่ ก็ตกลงจะกลับไปโรงเรียน ระหว่างทาง คุณยายให้กําลังใจหนึ่งว่า เมื่อ ทำผิดแล้วยอมกลับตัวเป็นเด็กดี ใครรู้ย่อมชมเชย เมื่อ 4 ถึงโรงเรียน หนึ่งลงจากรถ เดินเข้าไปในโรงเรียนกับ คุณยายโดยดี คุณครูทําท่าโวยวายว่า ทําไมถึงยอมกลับมาเล่า แต่คุณยายชิงอธิบายเสียก่อนว่า หนึ่งเป็น เด็กดี มีเหตุผล เมื่อรู้ว่าตอนนีเป็นเวลาทีเด็กดีทังหลาย ต้องอยู่ที่โรงเรียน หนึ่งก็ขอให้คุณยายมาส่งเอง คุณครูไหวทัน จึงไม่พูดอะไรให้คับข้องใจ ทุก อย่างก็จบลงด้วยดี นอกจากเราจะต้องทำสงครามคอยกำราบผีบ้า ในใจ ให้ประพฤติตนอยู่ในกรอบของเหตุผลแล้ว ยัง ต้องกำราบอัตตา ความมีตัวตน ให้ละลายไปอีกด้วย มิฉะนั้นพอเราจะกลับตัวประพฤติดี ประพฤติถูก เจ้า อัตตาตัวนีจะคอยดึงรั้งไม่ให้ทำเพราะเกรงเสียหน้า เกรงคนหัวเราะเยาะว่าไม่แน่จริง พระพุทธองค์จึงทรงเปรียบโลกธรรมแปด คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสือมลาภ เสื่อมยศ นินทาทุกข์ เหล่านี้เป็นเสมือนลมพายุ ที่คอยโยกคลอนจิตใจของเราให้หวั่นไหวตามไป ถ้าเราไม่มีธรรมเป็น รากแก้วให้ใจฝังยึดแล้ว ย่อมทนทานไม่ได้ พอถูกลม พายุพัดไปพัดมา ก็ถอนรากถอนโคน โค่นล้มลง หลายคนปล่อยชีวิตให้วิบัติโดยเปล่าประโยชน์ เพราะไม่รู้จักเลี้ยงใจของตน คุณแก้วยอมรับความจริงไม่ได้ว่าสามีไปยุ่ง วุ่นวายกับหญิงอื่น เธอเซ้าซื้ ซักถาม คาดคั่นหวาด ระแวง และคอยจับผิด จนสามีกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ทั้งๆ ที่สามีก็บอกกับเธอว่า ผู้หญิงคนนั้นมีค่าเพียงสิ่ง ฉาบฉวยให้ชีวิตมีรสชาติเท่านั้นเอง เขายังคงรับผิดชอบ ต่อครอบครัว ไม่คิดยกใครขึ้นมาทัดเทียมคุณแก้ว เพียงให้เธอสงบ อย่าเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องนี้คุณแก้วก็ยังไม่แล้วใจ เฝ้าครุ่นคิด คับข้อง ในที่สุดก็ตามไปทีบ้านผู้หญิงคนนั้น เกิดการต่อว่าต่อขานกันอ้างสิทธิ์กันขึ้น สามีทราบก็โกรธ เกิดเป็นปากเป็นเสียงกัน รุนแรง คุณแก้วเกิดอาการซึมเศร้า จนต้องเข้ารับการ รักษาในโรงพยาบาล เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว คุณแก้วกลายเป็นคนหิวความรัก แต่ขาดศิลปะในการแสวงหา  คุณแก้วต้องการให้ทุกคนสนใจเธอ โดยมีวิธี เรียกร้องประหลาด ๆ เป็นต้นว่า เห็นเด็กรับใช้กำลัง ฟังวิทยุสนุกอยู่ ก็ร้องเรียกเพียงเพื่อให้มาหยิบกระดาษ บนโต๊ะไปทิ้งถังผง ลูก ๆ กําลังเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เธอก็บอกให้ไปปิดประตู เพราะลมพัดบานประตูขยับ ไปขยับมาหนวกหู ลูกลุกไปปิดแล้วกลับมาสนุกกับ เกมต่อ เธอก็ขัดใจ บอกให้ไปเปิดประตูใหม่ เพราะปิด คนรอบข้างเริ่มเบื่อหน่าย เพราะทนความจุกจิก ขาดเหตุผลของเธอไม่ได้ แต่ไม่มีใครฉุกคิดสาวหา สาเหตุ แท้ที่จริงเธอต้องการความสนใจ ต้องการให้ ผู้คนมาห้อมล้อมเอาอกเอาใจ คุณหมอแนะให้เธอปรับปรุงตัวเอง ออกไป เทียวเตร่ หางานอดิเรกหรือออกกําลังกาย เช่น ว่ายน้ำ เพื่อจะได้ไม่หมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนมากเกินไป เธอก็ยังคอยเซ้าซี้ จับตาคุมสามี บ้านที่เคยเป็นสุข อบอุ่น ก็แห้งแล้ง ต่อมาเธอสืบทราบว่า สามีไปมีลูก กับผู้หญิงคนนั้น เธอก็เริ่มเวียนเข้าออกโรงพยาบาลเพราะฝังใจว่าหากตนไม่สบายแล้ว สามีจะกลับคืนมา
การงานของเธอเริมบกพร่อง ผิดพลาด ขาด ความรับผิดชอบ เธอเริมมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ชีวิต ยิ่งเป็นความสับสน ลัมเหลวยิ่งขึ้นชีวิตของคุณแก้วสะท้อนให้เราเห็นว่า เธอไม่รู้จักเลี้ยงใจของเธอ ปล่อยให้ผีบ้าชนะสงครามในใจฉุดกระชากชีวิตทั้งชีวิตให้วิบัติ ถ้าเธอเข้าใจสิ่งที่เกิด ขึ้นตามจริงว่า จิตใจของคนเราไม่เที่ยง เป็นทุกข์เช่นนี้เอง พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติศิลห้าขืนเป็นฐาน ประคับประคองทายกทายิกาให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ตามอัตภาพ หากใจขาดศีล ขาดธรรม เป็นบรรทัดแล้ว มันไม่มีเขตมีแดน มีฝัง มีฝา เป็นกำหนดหมายอย่างนี คู่ของใคร ลูกเต้าของใคร หากราคะตัณหาในใจลุกโพลงขึ้นแล้ว เป็นไม่ยกเว้น ไม่มีอะไรทีจะแบ่งแยกให้เห็น ความแตกต่างระหว่างมนุษย์และสัตว์เราโชคดีที่มีสติ มีปัญญา พอที่จะหมุนความทุกข์ นี้มาเป็นบทเรียนสอนใจให้คลายจากความยึด ความ หวงแหนว่า นันเป็นสามี เป็นของ ๆ เรา จริง ๆ แล้ว นันเป็นแต่เพียงซาก เพียงหุ่นทีหลงเหลืออยู่ต่างหากจิตใจที่เคยเป็นสามีของเราระเหยเป็นอากาศธาตุไป
หมดแล้ว เราจะไปยึดไปผูกพันอยู่กับซากอันนี่เพื่อ สิ่งใด ความเป็นจริงแต่ละขณะ ๆ ที่กําลังเป็นอยู่ต่าง หากที่เป็นสาระ เป็นสิ่งที่เราจะต้องเอาสติและปัญญา ไปไตร่ตรอง พิจารณา จนเกิดความเห็นชอบ เพื่อที่ จะได้รักษาชีวิตแต่ละขณะ ๆ ของเรา ให้ดำเนินไปสู่ ความผาสุก สงครามในใจของแต่ละคนระหว่างผีบ้าและผีดี ดำเนินอยู่ตลอดวันตลอดคืน ไม่มีเวลาหยุด ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่งหรือแม้แต่นอน  มันก็ยังอาละวาดเข้าไปอยู่ใน ความฝัน เรารบแพ้ผีบ้าอยู่เป็นนิจสิน ปล่อยให้มัน ลากจูงไปตามความรัก ความซัง ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความหวันกลัวต่าง ๆ นานา ระหว่างรบ เราก็ปล่อยให้ผีบ้าฉุดลากเราไป ทำพิมพ์เขียว ก่อภพก่อชาติไว้ทัวทิศ ทัวแดน เดียวก็ ดูดติดกับตรงนั้นด้วยความรัก ความอยาก เดียวก็ ผลักไส ดีดตรงนี้ออกไปด้วยความชั่ง ความกลัว เดียว ก็ดูด ๆ ผลัก ๆ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ วุ่นวีวุ่นวาย วนเป็นวัฏฏะเหมือนมดไต่ขอบกระด้ง ท่านจึงสอนให้เราเอาสติกำกับใจ ให้รู้ทิศทาง ที่จะไป จะมา สติจึงเป็นตัวง้างวัฏฏะให้เหยียดออก เป็นเส้นตรงของมรรค มีจุดจบเป็นที่หมาย แต่เมื่อใด ที่เผลอ สติหลุดไปจากใจ ยางแห่งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความยึดมันถือรัน ก็จะแปะปลายทั้งสองของมรรคให้ มาติดกัน กลายเป็นวัฏฏะอันไม่รู้จบใหม่ การจะยุติสงครามได้ ก็โดยไม่เผลอสติให้มรรค ของเราวนกลับเป็นวัฏฏะอีก แล้วมุ่งหน้าตั้งตา รักษาใจ ให้เกิดปัญญาเห็นชอบทุกครั้ง ก่อนจะคิด จะพูด จะทำ สิ่งใดลงไป เพื่อทุกๆ การกระทำของเราจะได้เป็นมรรค หนทางดำเนินไปสู่ความสินภพสินชาติ ใจเป็นพลังที่มีอํานาจยิงกว่าสิ่งใด ๆ สามารถ เคลื่อนที่เร็วยิ่งกว่าแสง และไปได้ทั่วจักรวาล หาขอบ เขตจำกัดมิได้ แต่การจะสามารถนําพลังนี้มาใช้ใน ทางที่ถูกที่ควรนั้น เป็นสิ่งยากยิ่งกว่าการศึกษาเล่าเรียน วิชาใด ๆ ในไตรภพ ถ้าเราไม่สํารวมระวัง เอาสติคอย ตามรู้ให้เท่าทันอารมณ์ เราก็วิบัติ แม่ค้าบริเวณท่าเรือ สังเกตเห็นพระรูปหนึ่ง เดินมาลงเรือข้ามฟากที่ท่าแห่งนี้ทุกวันเป็นประจำอยู่มาวนหนึ่ง ท่านเกิดเอ็ดอึงเอากับหมาที่นอนอยู่แถวนั้น
ได้ความว่าหมามองท่านแบบหาเรื่อง ท่านเลยหงุดหงิด วันถัดมา หมาบังเอิญนอนอยู่บนทางผ่าน ซึ่งถ้าท่าน จะหลีกก็หลีกพ้น แต่ท่านกลับเดินตรงเข้าไปเตะหมา อ้างว่ามันมีความผิดที่มานอนขวางทางเดินของท่าน อีกวันต่อมา ท่านเดินมาอย่างเคย สักครู่ก็ได้ยินเสียง ร้องอย่างโกรธจัด ได้ความว่าหมาตัวนั้นแอบมาทางไหน ไม่ปรากฏ งับเข้าทีน่องของท่านเต็มรัก แล้วหลบฉาก ผู้คนแถบนั้นก็นึกในใจว่าเรื่องคงจบแค่นั้นเพราะ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันแล้ว แต่กลับปรากฏ ว่า อีก 2-3 วันต่อมา เจ้าหน้าที่เทศบาลมาล่าจับหมา แถบนั้นไปกําจัด แม่ค้าก็ประท้วงว่า ถึงหมาเหล่านี้จะเพนพานอยู่ตามถนน แต่พวกเขาก็เลียงมันด้วยเศษข้าว เศษอาหารตามมีตามได้ เป็นหมามีเจ้าของ เจ้าหน้าที่ อ้างว่า ที่มานี้เพราะมีคนไปแจ้งความว่า หมาลักษณะ เช่นนั้น ๆ กัดเขา สงสัยจะเป็นหมาบ้า จึงได้มาทำการ กำจัดตามคำร้อง แม่ค้าต่อรองว่า ถ้าเช่นนั้นให้บอกว่า จะนำหมาเหล่านีไปเก็บไว้ที่ไหน พวกเขาจะได้รวบ รวมเงินกันไปไถ่มันออกมา เจ้าหน้าที่ก็ว่า พอเอาไปก็ฆ่าเลย เพราะคำร้องระบุว่าเป็นหมาอันตราย
สงครามในใจของพระรูปนี่ พุ่งไปตามพลังของ ผีบ้าสุดฤทธิ์ พาท่านทะลุศีล ทะลุธรรมยับเยิน ไม่มี ใครทำท่าน นอกจากอารมณ์ในใจของท่านพัดพาท่าน ไปเอง ถ้าท่านสังวรระวัง เมื่อเกิดหงุดหงิดขึ้น ก็หยุด แค่นั้น ไม่ปล่อยใจให้ครุ่นคิด หมกมุ่น จดจําความโกรธ ไว้ จนก่อให้เกิดวจีกรรม กายกรรม ที่เป็นอกุศล สนอง ตามความโกรธ ท่านก็รักษาตัวรอด ใจของคนเราเหมือนนำ ที่มีตะกอนคือกิเลส ต่าง ๆ เจือปนอยู่ ถ้ามีสิ่งใดมากระทบ ตะกอนก็จะ ขุ่นคลักขึ้น แทนทีเราจะมองเห็นตามจริงดังนี้ ความรู้ ไม่รอบของใจ บอกให้เราเพ่งโทษไปที่สิ่งกระทบ มุ่ง จะแก้ไขภายนอก พระพุทธองค์จึงทรงสอนว่า เราแก้ โลกนี้ไม่ได้ เพราะด้วยสามัญญลักษณะ โลกคือความ พร่อง ความไม่เทียง ความไม่มีแก่นสารสาระ หาก เราเผลอไปยึดมันสําคัญหมายเข้า เราก็จะทุกข์ ทางแก้ คือแก้ที่ใจของเรา เมื่อใดที่เราขุ่นข้อง ก็ให้รู้ว่า โทสะ ในใจของเรายังมีฤทธิ์เดชอยู่ถึงปานนี้ ทำไฉนเราจึง จะดับมันให้สิ้น ซากได้ ทำนองเดียวกันกับความรัก ความโลภ อารมณ์ใดเกิดขึ้นในใจ ให้เราเอาสติ เอาสงครามในใจของพระรูปนี่ พุ่งไปตามพลังของ ผีบ้าสุดฤทธิ์ พาท่านทะลุศีล ทะลุธรรมยับเยิน ไม่มี ใครทําท่าน นอกจากอารมณ์ในใจของท่านพัดพาท่าน ไปเอง ถ้าท่านสังวรระวัง เมื่อเกิดหงุดหงิดขึ้น ก็หยุด แค่นั้น ไม่ปล่อยใจให้ครุ่นคิด หมกมุ่น จดจำความโกรธ ไว้ จนก่อให้เกิดวจีกรรม กายกรรม ทีเป็นอกุศล สนอง ตามความโกรธ ท่านก็รักษาตัวรอด ใจของคนเราเหมือนน้ำ ที่มีตะกอนคือกิเลส ต่าง ๆ เจือปนอยู่ ถ้ามีสิ่งใดมากระทบ ตะกอนก็จะ ขุ่นคลักขึ้น แทนทีเราจะมองเห็นตามจริงดังนี้ ความรู้ ไม่รอบของใจ บอกให้เราเพ่งโทษไปที่สิงกระทบ มุ่ง จะแก้ไขภายนอก พระพุทธองค์จึงทรงสอนว่า เราแก้ โลกนีไม่ได้ เพราะด้วยสามัญญลักษณะ โลกคือความ พร่อง ความไม่เทียง ความไม่มีแก่นสารสาระ หาก เราเผลอไปยึดมันสําคัญหมายเข้า เราก็จะทุกข์ ทางแก้ คือแก้ที่ใจของเรา เมื่อใดที่เราขุ่นข้อง ก็ให้รู้ว่า โทสะ ในใจของเรายังมีฤทธิ์เดชอยู่ถึงปานนี้ ทำไฉนเราจึง จะดับมันให้สิ้นซากได้ ทำนองเดียวกันกับความรัก ความโลภ อารมณ์ใดเกิดขึ้นในใจ ให้เราเอาสติ เอาปัญญา ไปเพ่ง พินิจ พิจารณา แก้ไขให้หลุดให้ตกไป จากใจ จนใจกลับสงบ เบา ดังเดิม สงครามในใจนั้น เกิด-ดับ เกิด-ดับ อยู่ทุกขณะ
แต่ละครั้งที่เกิดขึ้น ถ้าผีบ้าในใจเป็นผู้พาให้ชนะ เรา ก็ก่อเวร ถ้าผีบ้าพาแพ้ เราก็ทุกข์ใจทีเป็นทาสของผีบ้า ก่อภพก่อชาติอยู่ไม่รู้จบหากเราฉุกคิดได้ เอาสติรักษาใจ เอาปัญญาแนะสอน อารมณ์ใดเกิดขึ้น ก็หมุนให้มันคิดด้วยเหตุ ด้วยผล รักษาใจให้คิดไปด้วยความเห็นชอบ ให้ใจรู้ ใจตีน ใจเป็นพุทธะ การกระทำ คำพูด ความคิดของเราหนทางที่ทอดไปสู่ความสิ้นภพสิ้นชาติ

พิมพ์โดย  ปภัสสร มีพงษ์
แหล่งที่มา http://web.krisdika.go.th/buddha/3_war.pdf

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Back To Top